บลจ. ยูโอบี เปิดตัว กองทุน UCHI [ กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ไชน่า เฮลท์แคร์ อินโนเวชั่น ฟันด์ ]
บลจ.ยูโอบี เปิดขาย IPO กองทุน UCHI ( กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ไชน่า เฮลท์แคร์ อินโนเวชั่น ฟันด์) ชูการลงทุนในหุ้นจีน ธีมนวัตกรรมการแพทย์ (Healthcare Innovation) กองทุนแรกในประเทศไทย โดยเสนอขายครั้งแรก 15-23 กุมภาพันธ์ 2564 นี้
บลจ. ยูโอบี (ประเทศไทย) จับกระแสการลงทุนเมกะเทรนด์ (Megatrend) ในกลุ่มอุตสาหกรรมนวัตกรรมการแพทย์ (Healthcare Innovation) ในบริษัทจีน ซึ่งเป็นประเทศที่กลุ่มอุตสาหกรรมเฮลท์แคร์ (Healthcare) มีอัตราเติบโตสูงที่สุดในโลก โดยบลจ. ยูโอบี มั่นใจนำเสนอ “กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ไชน่า เฮลท์แคร์ อินโนเวชั่น ฟันด์ (UCHI)” กองทุนหุ้นจีนธีมนวัตกรรมการแพทย์ (Healthcare Innovation) กองทุนแรกในประเทศไทย เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่มองหาการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีโอกาสเติบโตสูงในอนาคต ไปพร้อมกับการฟื้นตัวและเติบโตของเศรษฐกิจจีน โดยเสนอขายครั้งแรก 15-23 กุมภาพันธ์ 2564 นี้
นางสาวรัชดา ตั้งหะรัฐ กรรมการผู้จัดการ สายพัฒนาธุรกิจ บลจ. ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ปัจจุบันอุตสาหกรรมเฮลท์แคร์ (Healthcare) ของประเทศจีนมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยมีอัตราเติบโตต่อปีสูงที่สุดในโลก มากกว่า 13% เมื่อเทียบกับสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นที่เติบโตเพียง 3% และ 2% ตามลำดับ1 และเป็นภาคธุรกิจที่มีศักยภาพเติบโตทางด้านการลงทุนอย่างมีนัยยะสำคัญ เรียกได้ว่าเป็นกระแสการลงทุนเมกะเทรนด์ (Megatrend) ของโลก ซึ่งเป็นการลงทุนในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจสอดคล้องตามความต้องการของตลาดในระยะ 5-10 ปี และมีแนวโน้มเติบโตสูง โดยอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วของกลุ่มอุตสาหกรรมเฮลท์แคร์ (Healthcare) ในจีนนี้ มีปัจจัยสนับสนุนมาจากการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของจีน (an aging population society) การฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจจีนหลังการระบาดโควิด-19 พร้อมกับมีแนวโน้มการเติบโตสูงในอนาคต และจากปัจจัยการประกันสุขภาพขั้นพื้นฐานที่กำลังขยายตัว”
(1ที่มา : KraneShare MSCI All China Health Care Index ETF factsheet, https://kraneshares.com/resources/factsheet/2020_09_30_kure_factsheet.pdf)
“ปัจจุบันจีนต้องเผชิญกับปัญหาด้านสุขภาพของประชาชน ประกอบกับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้จีนมีความต้องการในทรัพยากรด้านการรักษาต่างๆเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ในอนาคตธุรกิจการบริการด้านสุขภาพจะกลายเป็นกลุ่มธุรกิจที่เติบโตได้ดีในตลาดจีน ประกอบกับการสนับสนุนจากภาครัฐและกระทรวงสาธารณะสุขจีนที่มีนโยบายผลักดันให้จีนเป็นประเทศแห่งสุขภาพ และมีการดำเนินแผน “HEALTHY CHINA 2030” โดยการส่งเสริมธุรกิจบริการด้านสุขภาพ สวัสดิการการรักษา สภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพ และการส่งเสริมอุตสาหกรรมเพื่อสุขภาพ (health industry) จะช่วยหนุนให้เศรษฐกิจของประเทศจีนสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน อีกทั้งรัฐบาลจีนยังให้การสนับสนุนและส่งเสริมการค้นคว้า วิจัย และพัฒนาทางด้าน นวัตกรรมทางการแพทย์ (R&D) ทั้งในส่วนของการวิจัยพัฒนายา และอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้าผลิตภัณฑ์และบริการจากต่างประเทศ ซึ่งพัฒนาการของอุตสาหกรรมเฮลท์แคร์ในประเทศจีนที่มีมาอย่างต่อเนื่องพร้อมด้วยปัจจัยสนับสนุนต่างๆที่กล่าวมานี้ ทำให้ปัจจุบันตลาดเฮลท์แคร์ของจีนเติบโตจนมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลกที่ 1.1 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐ ในปี 2020 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 2.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2030.” นางสาวรัชดา กล่าว
นางสาวรัชดา กล่าวฃว่า “นอกจากนี้ ประเทศจีนมีการตื่นตัวและให้ความสำคัญกับการพัฒนาการแพทย์ในด้านต่างๆที่เน้นการนำนวัตกรรมเข้ามาเกี่ยวข้อง มานานแล้วกว่า 10 ปี ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาอุตสาหกรรมการแพทย์ที่ผสมผสานระหว่างการแพทย์กับเทคโนโลยีสารสนเทศสมัยใหม่ เช่น บิ๊ก ดาต้า (Big data) ระบบประมวลผลคลาวด์ (Cloud) ปัญญาประดิษฐ์ (AI) การบริหารจัดการองค์ความรู้ และบล็อกเชน เป็นต้น โดยกลุ่มอุตสาหกรรมนวัตกรรมการแพทย์ (Healthcare Innovation) ของจีน มีอัตราขยายตัวอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของจีนที่สามารถเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันจนก้าวเป็นผู้นำระดับโลกเทียบกับประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา ยุโรปและญี่ปุ่นได้ โดยพัฒนาการในด้านต่างๆ ที่นำโดยการใช้นวัตกรรม การค้นคว้า วิจัย นั้น ถือเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้เกิดการเติบโตอย่างก้าวกระโดด และจากการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจจีนหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ประกอบกับแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนที่คาดว่าจะเติบโตได้ถึง 8% ในปี 2564 นี้ เป็นปัจจัยบวกที่ บลจ. ยูโอบี พิจารณาและเล็งเห็นโอกาสทางการลงทุน เปิดตัวกองทุนเปิด ยูไนเต็ด ไชน่า เฮลท์แคร์ อินโนเวชั่น ฟันด์ (UCHI) เพื่อให้นักลงทุนร่วมคว้าโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนในหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมนวัตกรรมการแพทย์ (Healthcare Innovation) ของจีน ที่มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่องในอนาคต”
กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ไชน่า เฮลท์แคร์ อินโนเวชั่น ฟันด์ (UCHI) มีโครงสร้างกองทุนประเภท Fund of funds ที่ลงทุนผ่านกองทุน KraneShares MSCI All China Health Care Index ETF และกองทุน Global X China Biotech ETF (กองทุนหลัก) โดยเน้นลงทุนในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านเฮลท์แคร์ (Healthcare) ของประเทศจีน และบริษัทที่ดำเนินธุรกิจที่มีความเกี่ยวข้องหรือได้รับประโยชน์จากการพัฒนานวัตกรรมด้านเฮลท์แคร์ (Healthcare Innovation) ของประเทศจีน ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศจีน ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง หรือในตลาดหลักทรัพย์ต่างๆทั่วโลก
นางสาวรัชดา กล่าวว่า “กองทุน UCHI มีการกระจายการลงทุนในหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมเฮลท์แคร์ของประเทศจีน ในหลากหลายประเภทธุรกิจ ซึ่งครอบคลุมไปถึงการพัฒนาและค้นคว้าด้านเภสัชกรรม (Pharmaceutical) การพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) ระบบไอทีด้านการดูแลสุขภาพ (Healthcare IT) การบริการทางการแพทย์และโรงพยาบาล (Hospital Administration) ยาจีนแผนโบราณ (Traditional Chinese Medicine) และ การผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ (Medical Equipment Production) เป็นต้น ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบที่จะทำให้กองทุนมีโอกาสสร้างผลการดำเนินงานได้ดีในระยะยาว จากแนวโน้มการเติบโตในธุรกิจทุกประเภท โดยที่ผ่านมาดัชนี MSCI China All Shares Health Care 10/40 Net Return Index ซึ่งเป็นดัชนีอ้างอิงของกองทุนหลัก สร้างผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี ได้ถึง 69% (ข้อมูล ณ ธ.ค. 2563) บลจ. ยูโอบี จึงเชื่อมั่นว่ากองทุน UCHI จะเป็นทางเลือกการลงทุนในธีมเมกะเทรนด์ ที่สามารถสร้างโอกาสรับผลตอบแทนเชิงบวกให้แก่นักลงทุนได้ในระยะยาว”
นักลงทุนที่สนใจลงทุนกองทุน UCHI สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำเพิ่มเติมและหนังสือชี้ชวนได้ที่ผู้สนับสนุนการขาย ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา และ/หรือผู้สนับสนุนการขายหรือรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอิสระ และ/หรือบลจ. ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด โดยนักลงทุนสามารถทำรายการซื้อกองทุนผ่านช่องทางบริการอิเล็กทรอนิกส์ บริการ ‘Premier Online’ ที่ https://echannel.uobam.co.th/fundcyber/Account/Login หรือ ผ่านทาง ‘UOBAM Invest’ mobile application ซึ่งเป็นช่องทางที่อำนวยความสะดวกในการทำรายการได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย สำหรับลูกค้าที่ยังไม่มีบัญชีกองทุนและสนใจลงทุน สามารถขอรับคำแนะนำในการลงทุนและเปิดบัญชีกับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด ได้โดยตรง ติดต่อได้ที่ งานบริการนักลงทุน โทร. 0-2786-2222 หรือ thuobamwealthservice@uobgroup.com